เรื่องของมือชา
มีหลายท่านที่มีปัญหาเรื่องมือชา ระหว่างทำงาน หรือในเวลากลางคืน บางท่านก็มีอาการเช่นนี้บ่อย ๆ บางครั้งก็ดีขึ้นหรือหายไปเองได้ ถ้ามีอาการเกิดขึ้นบ่อย ๆ ปลายนิ้วมือมีอาการชามากขึ้นหรือชาตลอดเวลา หากไม่ได้รับการรักษา จะทำให้กล้ามเนื้อฝ่ามือบริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือลีบได้
อาการที่พบบ่อย • ชาบริเวณปลายนิ้วอาจจะเป็นนิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้, นิ้วกลาง บางนิ้วหรือทั้ง 3 นิ้ว รวมทั้งนิ้วนางครึ่งนิ้ว • อาการชาบางครั้งหายไปได้เอง หรือมีอาการชามากขึ้นตอนกลางคืน • ชามากขึ้นเวลาทำงาน หรือชาตลอดเวลา • มีอาการกดเจ็บบริเวณฝ่ามือ ถ้าท่านมีอาการเช่นนี้ อาจจะเป็นภาวะที่เส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ
สาเหตุ • การใช้งานของข้อมือที่มีการงอข้อมือ, หรือกระดกข้อมือมาก ๆ จะทำให้เยื่อพังผืดไปกดรัดเส้นประสาทมากขึ้น • ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่พบภาวะนี้ได้ เช่น โรคเบาหวาน, โรคพิษสุราเรื้อรัง, โรคไทรอยด์ และผู้ป่วยสูงอายุ เป็นภาวะที่อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณส่วนต่าง ๆ ในอุโมงค์นี้น้อยลง เซลล์บางส่วนตาย มีอาการบวมของเอ็นเยื่อหุ้มเอ็นไปกดเส้นประสาทมีเดียนได้มากขึ้น
ข้อแนะนำ ถ้ามีอาการชาปลายนิ้ว ลองขยับข้อมือ นิ้วมือเบา ๆ ถ้ามีอาการดีขึ้นหายชาได้ หรือมีอาการชาตอนกลางคืนบางครั้ง อาจจะมีสาเหตุจากการกดทับของเส้นประสาทมีเดียนในระยะแรก ๆ ได้
• ท่านควรหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมือที่อยู่ท่าที่ผิดปกติ เช่น ในท่องอข้อมือมาก ๆ การยกของ หรือการกระดกข้อมือมาก ๆ เช่น การยันพื้น, ดันสิ่งของต่าง ๆ • การที่ใช้ข้อมือมากเกินไป การปวด ขา กลางคืน บางท่านบอกต้องเอาข้อมือวางบนหมอนหรือบางครั้งต้องเอาหนังสือพิมพ์ม้วนผูกติดกับข้อมือให้ข้อมืออยู่ในท่าตรงจะไม่ค่อยชา ก็เป็นวิธีที่ถูกต้อง ข้อมือที่อยู่ในท่าปกติ ไม่หักงอพับไปด้านใดด้านหนึ่ง จะเป็นท่าที่เส้นประสาทถูกกดทับน้อยที่สุด ถ้าท่านลองแก้ไขด้วยตัวเองไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์
การรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัด 1. หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวข้อมือมากเกินไป รวมทั้งการรับแรงกระแทก, การสั่นสะเทือน บริเวณข้อมือ 2. การใส่เครื่องพยุงข้อมือ 3. การใช้ยา ส่วนใหญ่เป็นยาพวก NSAIDS (Non-steroidal antinflammatory drug) 4. การฉีดสเตียรอยด์ ในกรณีทานยาแล้วไม่ดีขึ้น และเป็นมาน้อยกว่า 1 ปี ได้ผลดีประมาณ 80% แต่มักจะไม่หายขาด
Comments